บลูเรย์ดิสค์ (Blu-ray Disc) หรือ บีดี (BD) คือรูปแบบของแผ่นออพติคอลสำหรับบันทึกข้อมูลความละเอียดสูง ชื่อของบลูเรย์มาจาก ช่วงความยาวคลื่นที่ใช้ในระบบบลูเรย์ ที่ 405 nm ของเลเซอร์สี "ฟ้า" ซึ่งทำให้สามารถทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าดีวีดี ที่มีขนาดแผ่นเท่ากัน โดยดีวีดีใช้เลเซอร์สีแดงความยาวคลื่น 650 nm
ประวัติ
มาตรฐาน ของบลูเรย์พัฒนาโดย กลุ่มของบริษัทที่เรียกว่า Blu-ray Disc Association ซึ่งนำโดยโซนี และ ฟิลิปส์ เปรียบเทียบกับ เอ็ชดีดีวีดี (HD-DVD) ที่มีลักษณะและการพัฒนาใกล้เคียงกัน บลูเรย์มีความจุ 25 GB ในแบบเลเยอร์เดียว (Single-Layer) และ 50 GB ในแบบสองเลเยอร์ (Double-Layer) ขณะที่ เอ็ชดีดีวีดีแบบเลเยอร์เดียว มี 15 GB และสองเลเยอร์มี 30 GB
ความจุของบลูเรย์ดิสค์ ซึ่งปกติแผ่นบลูเรย์นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับแผ่น ซีดี/ดีวีดี โดยแผ่นบลูเรย์จะมีลักษณะแบบหน้าเดียว และสองหน้า โดยแต่ละหน้าสามารถรองรับได้มากถึง 2 เลเยอร์ อาทิ แผ่น BD-R (SL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Single Layer แบบหน้าเดียว มีความจุ 25 GB แผ่น BD-R (DL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Double Layer แบบหน้าเดียว มีความจุ 50 GB แผ่น BD-R (2DL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Double Layer แบบสองหน้า มีความจุ 100 GB
ส่วนความเร็วในการอ่านหรือบันทึกแผ่น Blu-Ray ที่มีค่า 1x, 2x, 4x ในแต่ละ 1x จะมีความเร็ว 36 เมกะบิต ต่อ วินาที นั่นหมายความว่า 4x นั่นจะสามารถบันทึกได้เร็วถึง 144 เมกะบิต ต่อ วินาที
ประวัติ
มาตรฐาน ของบลูเรย์พัฒนาโดย กลุ่มของบริษัทที่เรียกว่า Blu-ray Disc Association ซึ่งนำโดยโซนี และ ฟิลิปส์ เปรียบเทียบกับ เอ็ชดีดีวีดี (HD-DVD) ที่มีลักษณะและการพัฒนาใกล้เคียงกัน บลูเรย์มีความจุ 25 GB ในแบบเลเยอร์เดียว (Single-Layer) และ 50 GB ในแบบสองเลเยอร์ (Double-Layer) ขณะที่ เอ็ชดีดีวีดีแบบเลเยอร์เดียว มี 15 GB และสองเลเยอร์มี 30 GB
ความจุของบลูเรย์ดิสค์ ซึ่งปกติแผ่นบลูเรย์นั้นจะมีลักษณะคล้ายกับแผ่น ซีดี/ดีวีดี โดยแผ่นบลูเรย์จะมีลักษณะแบบหน้าเดียว และสองหน้า โดยแต่ละหน้าสามารถรองรับได้มากถึง 2 เลเยอร์ อาทิ แผ่น BD-R (SL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Single Layer แบบหน้าเดียว มีความจุ 25 GB แผ่น BD-R (DL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Double Layer แบบหน้าเดียว มีความจุ 50 GB แผ่น BD-R (2DL) หมายถึง Blu-Ray Disc ROM แบบ Double Layer แบบสองหน้า มีความจุ 100 GB
ส่วนความเร็วในการอ่านหรือบันทึกแผ่น Blu-Ray ที่มีค่า 1x, 2x, 4x ในแต่ละ 1x จะมีความเร็ว 36 เมกะบิต ต่อ วินาที นั่นหมายความว่า 4x นั่นจะสามารถบันทึกได้เร็วถึง 144 เมกะบิต ต่อ วินาที
ผมสรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆสำหรับคนไม่รู้เรื่อ เทคโนโลยี คือ Blu-ray หรือ HD-DVD คือสื่อเก็บข้อมูลที่มาต่อจาก DVD เหมือนตอน VCD ไป DVD ครับ
คุณภาพก็ต่างกันแน่นอน Blu-ray กับ HD-DVD ภาพชัด+ระบบเสียงดีกว่ามาก แต่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเมื่อตอนใช้ TV แบบ LCD TV จอใหญ่ๆ หรือที่เรียกว่า HD-TV ครับ
ถ้าคิดไม่ออกว่าคุณภาพมันจะ ต่างกับ DVD ยังไง ก็ลองเปิด แผ่น vcd แล้วก็ เปิดแ่ผ่น dvd เรื่องเดียวกันตาม ความแตกต่างมันจะประมาณนั้นล่ะครับ
แผ่น Blu-ray หรือ HD-DVD ต้องใช้เครื่องเล่นเฉพาะของมันเล่น แผ่น Blu-ray ต้องใช้เครื่องเล่น Blu-ray เล่น , HD-DVD ต้องใช้เครื่องเล่น HD-DVD เล่น
แน่นอนว่าเครื่องเล่น DVD เล่นไม่ได้แน่ๆ
รวมถึงคอมพิวเตอร์ถึง Power DVD จะบอกว่าซัพพอร์ท แต่ไดรฟ์ที่คุณใช้ยังเป็นไดรฟ์ DVD ก็เปิดแผ่น 2 รูปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะครับ
ราคา แผ่น HD-DVD กับ Blu-ray น่ะแพงกว่า dvd เพียงเ็ล็กน้อยเท่านั้น (เปรียบเทียบกับราคา dvd โซน1 นะ) แต่ที่แพงน่ะ ราคาเครื่องเล่นกับไดรฟ์ที่จะอ่านมันตะหาก เครื่องเล่นราคาประมาณ 2 หมื่นอัพ ไดรฟ์สำหรับคอมพิวเตอร์ประมาณหมื่นนึง
คุณภาพก็ต่างกันแน่นอน Blu-ray กับ HD-DVD ภาพชัด+ระบบเสียงดีกว่ามาก แต่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเมื่อตอนใช้ TV แบบ LCD TV จอใหญ่ๆ หรือที่เรียกว่า HD-TV ครับ
ถ้าคิดไม่ออกว่าคุณภาพมันจะ ต่างกับ DVD ยังไง ก็ลองเปิด แผ่น vcd แล้วก็ เปิดแ่ผ่น dvd เรื่องเดียวกันตาม ความแตกต่างมันจะประมาณนั้นล่ะครับ
แผ่น Blu-ray หรือ HD-DVD ต้องใช้เครื่องเล่นเฉพาะของมันเล่น แผ่น Blu-ray ต้องใช้เครื่องเล่น Blu-ray เล่น , HD-DVD ต้องใช้เครื่องเล่น HD-DVD เล่น
แน่นอนว่าเครื่องเล่น DVD เล่นไม่ได้แน่ๆ
รวมถึงคอมพิวเตอร์ถึง Power DVD จะบอกว่าซัพพอร์ท แต่ไดรฟ์ที่คุณใช้ยังเป็นไดรฟ์ DVD ก็เปิดแผ่น 2 รูปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะครับ
ราคา แผ่น HD-DVD กับ Blu-ray น่ะแพงกว่า dvd เพียงเ็ล็กน้อยเท่านั้น (เปรียบเทียบกับราคา dvd โซน1 นะ) แต่ที่แพงน่ะ ราคาเครื่องเล่นกับไดรฟ์ที่จะอ่านมันตะหาก เครื่องเล่นราคาประมาณ 2 หมื่นอัพ ไดรฟ์สำหรับคอมพิวเตอร์ประมาณหมื่นนึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น